ต้นสาลิกาลิ้นทอง

ข้อมูลทั่วไป 

ชื่อทั่วไป: สาลิกาลิ้นทอง

ชื่ออื่นๆ: มะจอเต๊ะ, ยาวี, ไทรไข่มุก, ไทรใบโพธิ์หัวกลับ, ไทรสามเหลี่ยม, สาลิกาใบใหญ่

วงศ์: เป็นต้นตระกูลเดียวกันกับต้นไทร (Moraceae)

ความเชื่อเกี่ยวกับต้นไม้ 

ต้นสาลิกาลิ้นทอง จัดเป็นต้นไม้มงคลอีกประเภทหนึ่งที่คนไทยจัดอันดับ 1 ใน 10 ของไม้มงคลของประเทศไทยเลยก็ว่าได้ ซึ่งต้นสาลิกาลิ้นทอง จะปลูกง่าย นิยมปลูกตามร้านค้า บริษัท สถานประกอบการ หรือโรงงานต่างๆที่ต้องการรายได้เข้ามาเป็นกอบเป็นกำ หรือกระทั่งหน้าบ้านเชื่อกันว่าเป็นต้นไม้ที่มหานิยม เป็นไม้เนื้ออ่อนนำไปแกะสลักเป็นรูปนกสาลิกาไว้บูชาเชื่อกันว่าทำมาค้าขายขึ้น ลักษณะใบจะมีสีเหลืองคล้ายๆทองคำ มีผลดก ทำให้การค้าขายก็จะเจริญรุ่งเรือง ขายดีมีกำไร เฮงๆรวยๆกันถ้วนหน้า ช่วยให้เจรจาการทางการค้าและลงทุนเป็นไปอย่างราบรื่น สามารถต่อรองจนผลประโยชน์ที่ตนเองพอใจ ช่วยทำให้การลงทุนมีดอกผล

สำหรับสายมูหรือผู้ที่เชื่อก็มี พระคาถาสาลิกาลิ้นทอง บทมีอยู่ว่า “ตั้งบท นโม ๓ จบ พุทธา อะเนนา มะลิยา สุสังคะเยมิ พุทธา อิริมะลิยา สุสังคะเยมิ พุทธา อิริปะโย เคมะคุณนะ ปักเขสะเมมะมิ อุนาโลมา ปันนะ วิชายะเต” 

ควรปลูกบริเวณใดของบ้าน 

ต้นสาลิกาลิ้นทอง เป็นต้นไม้ขนาดเล็ก ที่มีความสวยงามด้านใบ ซึ่งนิยมปลูกลงกระถาง แล้วตั้งไว้ภายในบ้าน ทาวน์เฮาส์ บ้านหรือคอนโดที่มีพื้นที่น้อยด้วย เพื่อความสวยงาม หรือปลูกลงแปลงดินเพื่อให้เจริญเติบโตขึ้นไปเรื่อยๆ พร้อมทั้งปลูกเป็นจำนวนมาก เปรียบเสมือนกับเป็นขุมทรัพย์ทองคำภายในบ้าน 

ส่วนประกอบของต้นไม้ 

ลำต้น

ต้นสาลิกาลิ้นทอง เป็นไม้ต้นกึ่งผลัดใบ มีความสูงประมาณ 7 เมตร เปลือกต้นจะมีสีเทา ที่สำคัญและพิเศษสำหรับต้นสาลิกาลิ้นทองก็คือ ทุกส่วนมีน้ำยางสีขาว

ใบ

ใบเดี่ยวเรียงเวียนสลับ มีรูปร่างลักษณะคล้ายรูปไข่กลับหรือรูปช้อน มีขนาดที่เล็ก ซึ่งมีความกว้างประมาณ 6-7 เซนติเมตร และมีความยาว 7-9 เซนติเมตร ปลายใบจะโค้งมน โคนใบสอบ แผ่นใบแข็งหนาคล้ายแผ่นหนังด้านบนใบเห็นเส้นใบนูนขึ้น ก้านใบมีสีแดงเรื่อ

ดอก

ต้นสาลิกาลิ้นทอง จะออกเป็นช่อ อยู่กระจุกรวมกันที่อยู่ตามซอกใบใกล้ปลายกิ่ง มีลักษณะรูปร่างคล้ายรูปไข่กลับ ดอกสาลิกาลิ้นทองมีสีขาวนวล

ผล

ต้นสาลิกาลิ้นทอง มีลักษณะเป็นแบบทรงกลม ส่วนผลสาลิกาลิ้นทองที่อ่อน จะมีสีเขียวอมเหลือง และเมื่อผลแก่เป็นสีแดง

วิธีการปลูก 

ต้นสาริกาลิ้นทองมีการขยายพันธุ์โดยการปักชำ มีวิธีการ ก็คือ ปักชำเป็นมุมเอียง 60 องศากับผิวหน้าวัสดุปักชำ หรือจะปักตั้งตรง ให้ปักลึก 1 นิ้ว หรือลงไปใต้ตาบนสุดเหนือวัสดุปักชำ แต่ที่สำคัญสุดคืออย่าให้กิ่งชำขยับเด็ดขาด อาจใช้ไม้หรือเชือกรัดรวมกิ่งไว้ก็ได้ ต้องเลือกพื้นที่ในการปักชำ คือ ตั้งในที่มีแสงแดดรำไร มีความชื้นสูง เนื่องจากกิ่งแก่ต้องการความชื้นสูงแต่ไม่สามารถทนต่อการรดน้ำจนเปียกโชกตลอดเวลา เพราะไม่มีใบคายน้ำ ถ้าให้น้ำบ่อยเกินไปกิ่งจะเน่าได้ง่าย 

วิธีการดูแล 

แสง

ต้นสาลิกาลิ้นทอง นิยมปลูกบริเวณที่โดนแสงแดดไม่มาก เนื่องจากเป็นต้นไม้ที่ชอบแสงแดดแค่เพียงรำไรเท่านั้น

น้ำ

เนื่องจากต้นสาลิกาลิ้นทองเป็นต้นไม้ที่ปลูกง่าย และมีวิธีในการเลี้ยงที่ง่ายดาย ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาในการรดน้ำเยอะ เพราะว่าต้องการน้ำน้อย

ดิน

สามารถเจริญเติบโตได้ในทุกสภาพแวดล้อม ทำให้สามารถปลูกได้ในดินหลายประเภท เช่น ดินเหนียว ดินร่วนปนทราย เป็นต้น

ปุ๋ย

เป็นต้นไม้ที่สามารถใส่ได้ทุกปุ๋ย เช่น ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก หรือปุ๋ยสูตรปกติ คือ 15-15-15 

ประโยชน์หรือสรรพคุณอื่นๆ 

• เหมาะที่จะปลูกเป็นไม้กระถาง มอบให้เป็นของขวัญในโอกาสสำคัญ ๆ เพราะชื่อเป็นมงคล ผู้รับจึงมีความยินดี
• ปลูกประดับสวน หากใครปลูกไว้จะช่วยให้มีเสน่ห์ด้านวาจา และทำมาค้าขึ้น ใช้ทำบอนไซได้
• ส่วนของผลเป็นสมุนไพรบรรเทาอาการปวดฟันและปวดหัว 
• ส่วนของต้นใช้เป็นยาชูกำลังสำหรับสตรี 
• ในประเทศมาเลเซียมักนิยมใช้ส่วนของใบและราก มาบดให้ละเอียด ใช้เป็นผงรักษาแผลรูมาทอยด์
• ผสมพันธุ์ไม้ต้นสาลิกาลิ้นทองให้มีใบด่างหรือเอกลักษณ์ที่เฉพาะตัว แล้วนำไปจำหน่ายเพื่อเพิ่มราคาและทำราคาได้สูงถึงหลักแสนไปจนถึงหลักล้านเลยก็ว่าได้
• นิยมปลูกต้นสาลิกาลิ้นทองเพื่อฟอกอากาศให้บริสุทธิ์มากขึ้น ทำให้สามารถปลูกภายในห้องนอนได้ในขณะที่นอนหลับตอนกลางคืน จะไม่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา เพื่อลดปริมาณออกซิเจนของผู้ปลูก

ราคาต่อต้นโดยประมาณ

ต้นสาลิกาลิ้นทองที่มีขนาดไม่ใหญ่มากหรือเป็นต้นกล้าที่เหมาะกับการนำไปลงแปลงดินหรือกระถาง ขนาดประมาณ 10-15 เซนติเมตร จะจำหน่ายที่ราคา 15-30 บาท หรือสำหรับต้นสาลิกาลิ้นทองที่เจริญเติบโตอย่างเต็มที่แล้วนั้น นิยมใส่กระถางขายเพื่อความสวยงาม และสะดวก โดยจะจำหน่ายอยู่ที่ราคา 80-150 บาท ขึ้นอยู่กับความสูง ความสวยงาม และการดูแลรักษา

แหล่งอ้างอิง

: https://data.addrun.org/plant/archives/495-ficus-deltoidea-jack